top of page
ZONA 1.png

BY Psi Drakaz

Ancestor

Chapter 1 : Ancestor

by Psi Drakaz

ZONA’s Story

“บางสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว

ผืนน้ำที่สงบกลับสั่นไหว

ท้องฟ้าที่สดใสกลับกลายเป็นมืดครึ้ม

ผู้สืบทอดแห่งอาณาจักรได้หายสาบสูญไป

พวกเรากำลังจะพ่ายแพ้แก่พวกมัน …”

 

ข้อความกำลังถูกจารึกลงบนแผ่นหินขนาดใหญ่ด้วยความรวดเร็ว 

ก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดครั้งใหญ่ จากการโจมตีด้วยบางอย่าง

และเรื่องราวตำนานอาณาจักรที่ล่มสลาย ก็ไร้ซึ่งผู้จดจำ ...

 

ณ ชายหาดของตระกูล ไอเดอร์ สามีภรรยาคู่หนึ่งได้ยินเสียงแหลมบางอย่างดังมาจากริมหาด

ขณะที่กำลังวิ่งออกกำลังกายในยามเย็น พวกเขาพบสาวปริศนานอนหมดสติอยู่ที่ริมหาด

เสื้อผ้าของเธอเป็นวัสดุประหลาดที่สามารถส่องแสง และเงาวาวราวกับทองคำขาว

เนื้อผ้ามีลักษณะโปร่งใสและกันน้ำได้ เสื้อผ้าและการแต่งตัวแบบนี้ 

ไม่น่าจะเป็นเสื้อผ้าปกติ … 

 

ทั้งสองช่วยเหลือเธอและพาไปยังโรงพยาบาลใกล้ ๆ ในทันที

แพทย์บอกว่าเธอได้รับการกระทบกระเทือนที่สมองอย่างรุนแรง

อาจก่อให้เกิดการสูญเสียความทรงจำได้ และด้วยความที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

ว่าเธอเป็นใครมาจากที่ไหน จึงสร้างความฉงนให้แพทย์ และคู่สามีภรรยาเป็นอย่างมาก

 

หญิงสาวฟื้นขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาสีแดงระเรื่อทองเหมือนท้องฟ้ายามเย็น 

เธอมองเห็นใบหน้าของคู่สามีภรรยา ที่จ้องมองมาที่เธอด้วยความเป็นห่วง

 

คริสทีน ซึ่งเป็นภรรยา พยายามสื่อสาร และเรียกเธอ หลังจากเห็นว่าเธอฟื้นขึ้นแล้ว

หญิงสาวปริศนารีบกลิ้งลงจากเตียงพร้อมกับคว้าเสาน้ำเกลือขึ้นมาถือเหมือนหอก

ด้วยสัญชาติญาณ พลางกวัดแกว่งอย่างคล่องแคล่ว

“... … … ” เธอพยายามพูด แต่ก็ไม่มีเสียงออกมา 

ฝั่งสามี เคอร์ทิน พยายามอ่านปากของเธอ จับใจความได้ว่า “พวก คน พื้น” 

 

เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างพากันเข้ามาเพื่อกล่อมให้เธอสงบลง แต่ทำให้เธอมีท่าทีที่หวาดกลัว

และพยายามป้องกันตัวเองมากกว่าเดิม คริสทีนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

ก่อนที่จะพยายามเดินเข้าไปหาเธอช้า ๆ

“ไม่ ต้อง กลัว นะ”

คริสทีนพยายามสื่อสารด้วยภาษามือกับหญิงสาวปริศนา

เธอนิ่งและพยายามสื่อสารกลับ “ที่ นี่ ที่ ไหน”

เธอแสดงท่าทางกลับ ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนบริเวณนั้น

“โรง พยา บาล”

ครีสทีนสื่อสารกับเธออีกครั้งพลางยื่นแก้วน้ำให้กับเธอ

“ใจ เย็น ก่อน นะ” 

เธอรับมาดื่มและค่อย ๆ ผลอยหลับไป แต่ก่อนที่สติของเธอกำลังจะหมดไป

เธอได้พูดออกมาด้วยเสียงที่แหลมกว่าคนทั่วไปว่า “ซู นิ กา”

เจ้าหน้าที่กล่าวขอบคุณคริสทีน ที่สามารถทำให้หญิงสาวปริศนาสงบลง

และดื่มน้ำผสมยานอนหลับ

รวมไปถึงสื่อสารภาษามือกับเธอได้อีกด้วย

 

เคอร์ทิน พยายามช่วยอธิบาย และให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่

เกี่ยวกับหญิงสาวปริศนานี้ด้านนอกห้องตรวจ เพราะไม่มีสิ่งใดระบุตัวตนของเธอได้เลย

ส่วนคริสทีนยังคงนั่งเฝ้าอยู่ในห้องตรวจ เธอพยายามอ่านปาก และจับใจความ

จากปากของหญิงสาวปริศนา “ซู นิ กา หรือ โซ นิ กา หรือ โซ นา” กันแน่ 

 

“เรียกหนูว่าโซน่า ไปก่อนก็แล้วกันนะจ๊ะ”

คริสทีนลูบที่หัวของหญิงสาวปริศนาอย่างอ่อนโยน เพราะนั่นทำให้เธอ

คิดถึงลูกสาวของเธอที่จากไปก่อนวัยอันควรด้วยโรคร้าย

น้ำตาของเธอค่อย ๆ ไหลอาบแก้มด้วยความคิดถึงลูก

เคอร์ทินได้เดินเข้ามาในห้องและปลอบคริสทีน

“เธอช่างเหมือนลูกของเราจริง ๆ  … เชอร์รีน”

เสียงร่ำไห้ของคริสทีนทำให้สาวปริศนาตื่นขึ้น

เธอรู้สึกแปลกใจ ที่น้ำตาของเธอก็ไหลออกมาด้วยเช่นกันเมื่อได้เห็นน้ำตาของทั้งสอง

 

“ฟื้น แล้ว เหรอ จ๊ะ” คริสทีนปาดน้ำตาที่นองหน้า และพยายามสื่อสารด้วยภาษามืออีกครั้ง

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ แล้วก็พูดปกติก็ได้ ข้าพูดได้แล้ว”

หญิงสาวปริศนาพูดกลับ ทำให้ทั้งสองประหลาดใจมาก 

“เธอชื่ออะไร มาจากที่ไหนกันเหรอ ?” เคอร์ทินถามด้วยความสงสัย

หลังจากที่สังเกตท่าทีของสาวปริศนา และมั่นใจว่าเธอจะไม่หยิบเสาน้ำเกลือมาเป็นอาวุธอีก

“ข้า … ข้าคือ ...” เธอพยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก ยิ่งคิด ยิ่งทำให้หัวของเธอปวดรุนแรงขึ้น

“มะ ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ … เรียกแทนตัวเองว่า ข้า ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ

ลองเป็นแบบ ฉัน หรือ หนู ดีไหม ?” เคอร์ทินถามต่อพลางยิ้มแหย ๆ

“หนู ? หนูคืออะไรน่ะ ?” สาวปริศนาถามกลับด้วยเสียงอันดุดัน

“เป็นคำไว้ใช้แทนคำว่า ข้า ยังไงล่ะจ๊ะ หรือถ้าตอนนี้ยังจำอะไรไม่ได้

ลองเรียกแทนตัวเองว่า โซน่า ดูดีไหมจ๊ะ” คริสทีนถามด้วยเสียงอันนุ่มนวลและเป็นมิตร 

“โซน่า ?” เคอร์ทินหันไปถามภรรยาด้วยสีหน้าฉงน

“ใช่ โซน่านี่แหละ เหมาะที่สุดเลย เป็นคำที่เธอพูดก่อนจะหลับไป

ในระหว่างนี้ ใช้ชื่อนี้ไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ” คริสทีนยิ้มพลางเดินเข้ามาใกล้สาวปริศนาช้า ๆ

 

“โซน่า เหรอ? เป็นชื่อที่เพราะดีนะ” เธอตอบรับพร้อมหันไปหยิบสร้อยคอของเธอ

ที่วางอยู่ข้าง ๆ มาใส่ทันที มันเป็นสร้อยทรงข้าวหลามตัดเรืองแสงสีทอง

ซึ่งดูเหมือนเป็นอัญมณีบางอย่าง 

 

“แล้วนี่ โซน่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน” เธอถามพร้อมกับพยายามมองไปรอบ ๆ ห้อง

มีแต่สิ่งของที่เธอไม่รู้จักมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำเกลือที่เชื่อมต่อกับเธอด้วยโลหะบางอย่าง

หรือแม้แต่กล่องวิเศษที่มีคนนั่งอยู่ในนั้น พลางขยับไปมาได้

หรือแท่งสี่เหลี่ยมที่มีปุ่มตะปุ่มตะป่ำเต็มไปหมด

และที่แปลกที่สุด ก็คือ คู่สามีภารยาที่จ้องมองมาที่เธอตาไม่กระพริบ

“เราพบเธออยู่ที่ชายหาดของเรา เราคิดว่าน่าจะเกิดจากเรือล่ม หรืออะไรบางอย่าง

พาให้เธอลอยมาอยู่ที่นี่ ตอนแรกคิดว่าจะช่วยไม่ทันซะแล้ว”

เคอร์ทินเล่าให้ฟังในขณะที่ตายังจ้องมองมาที่เธอด้วยความประหลาดใจ

 

“หยุดมองข้าเสียที ! พวกคนพื้น” เธอเริ่มหงุดหงิดและตวาดไปที่ทั้งสอง

“ขอโทษนะจ๊ะ เราพยายามจะช่วยและพยายามเข้าใจหนู กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่น่ะ

มันค่อนข้างไม่ปกติ สำหรับเราสองคนที่ วัน ๆ ใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีอะไรตื่นเต้น

หรือแปลกใหม่อะไรเลย แล้วเราก็อยากจะช่วยให้หนูหายไว ๆ นะจ๊ะ

ป้าชื่อคริสทีน ส่วนลุงคนนี้ชื่อเคอร์ทินจ๊ะ”

เสียงพูดที่อ่อนโยนและนุ่มนวล ทำให้หญิงสาวสัมผัสถึงความอ่อนโยน

และลดความหงุดหงิดลง เธอเริ่มสงบนิ่งและพยายามนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่าง ๆ 

 

“เราจะปล่อยให้หนูพักผ่อนนะ แผ่นสี่เหลี่ยมสีแดง ๆ ข้าง ๆ หนูนั่นคือปุ่มเรียก

ใช้นิ้วกดลงไป จะมีคนมาช่วยเหลือหนูเองนะจ๊ะ โซน่า” ทั้งคู่โบกมือและเดินออกจากห้องพักไป

ทิ้งให้หญิงสาวในนามสมมติว่าโซน่า นั่งมึนงงกับเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น 

 

ทั้งสองยืนพูดคุยกันอยู่หน้าห้องเป็นเวลานานมาก ไม่ว่าจะเรื่องที่เธอพูดจาประหลาด

เสื้อผ้า การแต่งกาย และการที่เรียกพวกเขาว่า “คนพื้น”

และยิ่งทำให้ทั้งสองประหลาดใจมากขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งเรื่องว่า

ไม่สามารถยืนยันตัวตนของเธอได้ ว่าเป็นใครมาจากไหน และจัดการอย่างไรต่อไป

ทุกคนที่เกี่ยวข้องพูดคุยกันอยู่ในห้องขนาดใหญ่ เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง

ตั้งแต่การพบเธอ เรื่องที่เธอพูดจากแปลก ๆ รวมไปถึงการที่เธอสูญเสียความทรงจำอีกด้วย

 

หญิงสาวปริศนาออกมาจากห้องและเริ่มเดินสำรวจ

เธอตกใจกับกล่องสี่เหลี่ยมที่สามารถทำให้มีน้ำไหลออกมาจากมันได้

แผ่นสี่เหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือที่พวกเขายกขึ้นมาข้างหู

และเธอก็ได้พบกับห้องกระจกขนาดใหญ่ ที่มีผู้คนมากมายพูดคุยกันอยู่

 

เธอได้ยินเสียงแว่ว ๆ และรู้ได้ทันทีว่า พวกเขากำลังพูดถึงเธออยู่

เธอสัมผัสได้ถึงเรื่องราว และความรู้สึกของผู้คนเหล่านั้น

ว่าเต็มไปด้วยความสงสัย บ้างก็หวาดกลัว 

 

คริสทีนสังเกตเห็นเธอยืนดูอยู่ผ่านทางผนังกระจก ทำให้เธอยิ้มและสื่อสารกับเธอด้วยภาษามือ

“กลับ ไป ที่ ห้อง ก่อน เรา จะ ตาม ไป” เธอพยักหน้าตอบรับ

ก่อนที่จะเดินออกไปสำรวจที่อื่นเพิ่มเติมอีกพักใหญ่ …

 

เธอหยุดยืนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และก็พบว่า เธอหลงทางเสียแล้ว

เพราะห้องต่าง ๆ มีหน้าตาที่เหมือน ๆ กันไปหมด เธอจึงเปิดประตูตรงหน้าเข้าไป

ตอนนี้เธออยู่ในห้อง ซึ่งเป็นของใครก็ไม่รู้ และพยายามเดินตรงไปที่เตียง

พร้อมมองหาปุ่มสีแดง 

 

“แผ่นแดง … ปุ่มเรียก”

เธอกดปุ่มนั้นทันที ไม่กี่อึดใจพยาบาลก็เดินเข้ามาในห้อง

และตกใจเมื่อเห็นเธอ กำลังหันมามองด้วยความมึนงง

เธอตกใจที่จู่ ๆ สาวปริศนาที่ควงเสาน้ำเกลือมาอยู่ในห้องคนไข้อื่น

 

“กลับห้อง” เธอบอกกับพยาบาลด้วยความตื่นเต้น

“สิ่งนี้ใช้เรียกได้จริง ๆ สินะ”

 

 พยาบาลมองเธอด้วยความกลัวและพยายามจะให้เธอออกจากห้องของคนไข้อื่

 และนำทางให้เธอกลับไปที่ห้องของตัวเอง

“ขอบใจมาก” เธอพูดและพยายามหันไปมองทางอื่น

เพราะเธอสัมผัสถึงความกลัวของพยาบาลคนนี้ได้

พยาบาลออกมาจากห้องก็รีบเดินไปห้องประชุมรวม และได้เล่าให้กับทุกคนฟัง

 

หลังจากที่พูดคุยปรึกษาหารือกันอยู่เป็นเวลานาน เคอร์ทิน และคริสทีน

สองสามีภรรยาตระกูลไอเดอร์ ก็ตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย

และจะดูแลเธอจนกว่าเจ้าหน้าที่จะตามหา ที่มาของหญิงสาวปริศนาคนนี้ได้

 

วันเวลาผ่านไปหลายวัน ทั้งสองพยายามพูดคุยและสอนให้หญิงสาวปริศนา

เข้าใจโลกปัจจุบันและเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น การใช้ชีวิตประจำวัน

อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เธอเห็น รวมไปถึงการพูดที่เหมือนคนทั่วไป

สาวปริศนาเริ่มเรียนรู้และปรับตัวได้มากขึ้น

 

และวันนี้ก็มาถึง วันที่เธอ “หัวเราะ”

 

เสียงหัวเราะของเธอทำให้ทั้งสอง รวมไปถึงพยาบาลที่ดูแลเธอรู้สึกดีใจมาก

หญิงสาวปริศนาที่ทำตัวแปลกประหลาด ตอนนี้ดูเหมือนเป็นคนปกติขึ้นมาบ้างแล้ว

อีกทั้งยังเรียกทั้งสองว่า ลุง กับ ป้า อีกด้วย

 

ทั้งคู่ตัดสินใจพา “โซน่า” หญิงสาวปริศนาออกมาสูดอากาศข้างนอก

หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้ว ตอนนี้โซน่าพูดได้คล่องแคล่ว

เข้าใจการใช้ชีวิตในแต่ละวัน และมีความสดใสมากขึ้น ทั้งสามเดินทางมายังชายหาด

ที่ซึ่งได้พบกับโซน่าครั้งแรก ตามคำแนะนำของแพทย์ โดยมีความหวังว่า

ความทรงจำของเธอจะกลับมาบ้าง ในขณะที่เจ้าหน้าที่ ไม่สามารถหาข้อมูล

หรือตามสืบเรื่องราวของเธอได้เลย 

 

โซน่าเดินไปตามชายหาด สายตาของเธอมองไปยังทะเลที่ไกลสุดสายตา

ดวงอาทิตย์ที่กำลังตกเหมือนจะจมหายลงไปในผืนน้ำ

จู่ ๆ น้ำตาเธอก็ไหลออกมา … เธอหยุดเดินและตั้งใจฟังเพลงของคลื่นที่มากระทบหาดทราย

กระทบกับเท้าของเธอ เสียงที่เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก

 

จงรับฟัง

นี่คือเสียงแห่งความว่างเปล่า

ความว่างเปล่า ที่เกิดจากการตัดสินใจ

 

การตัดสินใจของเธอ

ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียว

 

ทุกสิ่งสาบสูญ …

ก .. . บ …..  า

 

เสียงประโยคสุดท้ายที่ได้ยินนั้นจางหายไป

เธอน้ำตาไหลพร้อมกับสะอื้นออกมาไม่หยุด

เคอร์ทินและคริสทีนได้ยินและรีบหันกลับมาช่วยเธอ

เธอกรีดร้องอย่างสุดเสียง และรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ

แล้วเธอก็สลบไป

 

คริสทีนเห็นดังนั้นก็เข้าไปโอบเธอไว้ได้ทัน

เคอร์ทินรีบเรียกรถพยาบาลเพื่อไปส่งเธอที่โรงพยาบาลอีกครั้ง

 

โซน่าฟื้นขึ้นที่ห้องของตัวเองอีกครั้ง เธอเห็นลุงกับป้าที่นั่งเฝ้าเธออยู่ที่ข้าง ๆ เตียง

และผู้คนมากมายที่ยืนมองเธอ 

 

“ฟื้นแล้วเหรอโซน่า เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนไหมจ๊ะ”

คริสทีนรีบจับมือของโซน่าพลางลูบหัวเบา ๆ เพราะความเป็นห่วง

ทำให้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองได้เลย

 

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะป้า โซน่าเองก็ยังสงสัยอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น

จำได้แค่ได้ยินเสียง และก็ตื่นขึ้นมาที่นี่เลย” โซน่าพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาดื่ม

และยังคงสงสัยกลุ่มคนมากมายที่ยืนมองเธออยู่

 

“คนพวกนี้คือใครกันคะ ทำไมยืนมองโซน่าตาไม่กระพริบเลย”

โซน่าถามพลางเอามือลูบปลอบคุณป้าคริสทีน

“ไม่มีอะไรหรอกโซน่า เขาคือพวกที่จะคอยช่วยตามหาว่...”

เคอร์ทินหยุดพูดเพราะเห็นครินทีสเอานิ้วชี้ขึ้นมาแนบปากบอกให้หยุดพูด

 

“สวัสดีโซน่า เป็นอย่างไรบ้าง ไปเดินที่ชายหาดมาสนุกไหม ?”

แพทย์คนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ การแต่งตัวของเขาไม่ค่อยเหมือนแพทย์เท่าไหร่

เหมือนกับนักธุรกิจมากกว่า บางสิ่งบางอย่างทำให้โซน่ารู้สึกไม่ไว้วางใจคน ๆ นี้ในทันที

 

“ไม่เป็นอะไรค่ะ เพลินดี” โซน่ารีบตอบปัด พลางหันกลับไปชวนลุงกับป้าพูดคุยเรื่องอื่น ๆ

 

นายแพทย์คนนั้นเดินออกจากห้องพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

“ยังไม่แน่ใจ แต่มีความเป็นไปได้สูงมากเลยล่ะ ต้องติดตามดูกันต่อไป...”

เขาวางสายและเดินจากไปในทันที 

 

โซน่าอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอดูอาการอีกสักพัก ก่อนที่ลุงกับป้า

จะชวนเธอไปอยู่ด้วยกันที่คฤหาสน์ไอเดอร์ บ้านของทั้งสอง ทำให้เธอตกใจ

และตะลึงกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเห็นค่ารักษาของเธอ

แม้ว่าจะไม่นาน แต่เธอก็พอเข้าใจว่า นั่นเป็นจำนวนที่มากโขเลยทีเดียว

 

โซน่ารู้สึกผิดแปลก ๆ ในจิตใจ สิ่งนี้เรียกว่าความเกรงใจหรือเปล่านะ

เธอพยายามปฏิเสธเรื่องการที่ทั้งสองจะจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลของเธอ

แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาทดแทนเช่นกัน

 

“ไม่ต้องรู้สึกผิด หรือรู้สึกแย่อะไรหรอกโซน่า เรายินดีและก็ผูกพัน

เหมือนเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ”

เคอร์ทิน หันหลังมาพูดกับโซน่าที่เบาะหลัง ขณะที่กำลังขับรถกลับบ้าน

“ครอบ ...ครัว … เหรอ” เธอพูดพึมพำเบาๆ  กับตัวเอง

น้ำตาของเธอค่อย ๆ เอ่อล้นจากตาอีกครั้ง

 

เมื่อมาถึงคฤหาสน์ โซน่าก็ตะลึงกับความสวยงามและยิ่งใหญ่ของที่นี่

นั่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกเกรงใจมากขึ้นไปอีก นับตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับทั้งสอง

เธอได้เรียนรู้อะไรมากมาย และทั้งสองก็ได้ช่วยเหลือเธออย่างเต็มที่มาโดยตลอด

ซึ่งเธอก็สัมผัสได้ว่า เป็นความรู้สึกที่มาจากใจจริง ๆ 

นั่นทำให้เธอมีความสุขอย่างมาก

 

“เอาล่ะ ต่อจากนี้ไป ที่นี่คือบ้านของหนูนะจ๊ะโซน่า

ด้านบนนั้นคือห้องของหนู มันมีระเบียงที่ติดกับทะเลด้วยล่ะ

เห็นว่าชอบมองทะเลเวลาพระอาทิตย์ตกใช่มั้ยล่ะ แล้วก็ … ”

ไม่ทันที่คริสทีนพูดจบ โซน่าก็เข้ามากอดเธอด้วยน้ำตานองหน้า

“ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกอย่างเลย โซน่าจะหาโอกาสตอบแทนลุงกับป้าให้ได้เลยค่ะ”

เคอร์ทินยิ้มอย่างเอ็นดูพร้อมกับเดินเข้ามาโอบทั้งสองไว้ พลางกระซิบข้างหูโซน่า

“ถ้าอย่างนั้น ตอบแทนด้วยการ เรียกเราว่า ป่ะป๊า กับ หม่าม๊า ได้มั้ยล่ะ ...”

 

โซน่าหยุดนิ่งอึ้งไปสักพักแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิม  …

“ได้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ป่ะป๊า หม่าม๊า...”

ทั้งสามยืนกอดกันกลางคฤหาสน์ไอเดอร์

ท่ามกลางเสียงร้องไห้แห่งความซาบซึ้งของโซน่า

หญิงสาวปริศนาที่ตามหาความทรงจำที่หายไป ...

bottom of page