top of page
Luxia 1.png

BY Psi Drakaz

The Dream Garden

 
 
 

Chapter 1 : The Dream Garden

 
 
 

by Psi Drakaz

Luxia’s Story

“ ท่านจะแย้มยิ้มอยู่บนฟากฟ้า

ท่านจะตัดสินว่า ทำนองของหัวใจจะเป็นเช่นไร

หากแม้น มิใช่ สิ่งที่ทรงประสงค์

ขอจงก้มหน้าลง และสำนึกในบาปของเจ้าเถิด …

 

เพราะ ..”

 

เด็กหญิงคนหนึ่ง หยุดอ่านบทสวดครู่หนึ่งด้วยความสงสัย

ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ ต่างพากันอ่านบทสวดนี้ต่อไป

 

...

 

ย้อนกลับไปหลายปีก่อน เด็กหญิงคนหนึ่งได้รับการเลี้ยงดู โดยโรงเรียนศาสนาแห่งหนึ่ง

ซึ่งทำหน้าที่เลี้ยงดูเด็กกำพร้า และสอนวิชาความรู้ เพื่อพัฒนาให้สามารถเติบโต

เป็นผู้ที่สามารถเผยแพร่คำสอนของ “ท่าน” ผู้ซึ่งได้รับการสืบทอดต่อกันมาว่า

เป็นผู้ให้ชีวิต ผู้ดูแล เป็นผู้ทำให้เกิดความรัก และทำให้เกิดโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมาอีกด้วย 

แม้จะมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างเป็นระยะว่า ที่นี่เต็มไปด้วยความลับบางอย่าง เด็กบางคนหายตัวไป

บ้างก็มีข่าวว่า ที่นี่ขายเด็กในโรงเรียน ให้ไปเป็นทาสของเหล่าชนชั้นสูง หรือขุนนางต่าง ๆ

บ้างก็ว่ามีลัทธิประหลาดอยู่ภายใต้สถานศักดิ์สิทธิ์

 

แต่นั่นก็เป็นเพียงข่าวลือ

ไม่มีใครรู้ความจริงได้เท่าคนที่อยู่ที่นั่น จริงไหม ?

 

ลูเซีย เด็กกำพร้าจากดินแดนแสนไกล ได้รับการช่วยเหลือและดูแลโดยโรงเรียนแห่งนี้ 

ด้วยบุคลิกที่ค่อนข้างเงียบขรึม ประกอบกับผมสีแดงชาดของเธอ

ซึ่งแตกต่างและไม่เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ในโรงเรียนสักเท่าไหร่

ทำให้การอยู่ที่นี่จึงเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่เธอก็สามารถปรับตัว

และได้พบกับเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เด็กหญิงกำพร้าที่มีความสดใสร่าเริง

“เรเชล”

ซึ่งทำให้เธอไม่เหงาอีกต่อไป ...

 

ทั้งสองเริ่มมีความสนิทสนมกันมากขึ้น และเติบโตขึ้นมาด้วยกันตามประสาเด็กสาว

ลูเซียเริ่มที่จะร่าเริงและปรับตัวให้อยู่กับที่แห่งนี้ได้ โดยที่มีเรเชลผู้สดใส

คอยรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ ของเธอ สอนให้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ รวมไปถึงเล่าเรื่องราวต่าง ๆ

ก่อนที่เธอจะเข้ามาอยู่ที่นี่ ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไรบ้าง

 

เวลาผ่านไปหลายปี จนกระทั่งวันหนึ่ง เรเชลกับลูเซีย

ขณะที่กำลังทำความสะอาดพื้นโบสถ์อยู่นั้น ...

 

“โตขึ้นลูเซียอยากจะเป็นอะไรเหรอ ?” เรเชลถามด้วยความเดียงสา

“อืม .. ตอนนี้ยังไม่รู้เลยล่ะ ทำไมไม่ลองถามว่า .. 

โตขึ้นอยากมีชีวิตแบบไหนล่ะ ? จะดีกว่ากันไหม ?”

ลูเซียถามกลับพลางหันมามองเรเชล

 

“มันต่างกันอย่างไรล่ะ ? การที่เราจะเป็นอะไร กับมีชีวิตแบบไหน ?” เรเชลถามซ้ำ

“ก็เพราะว่า ตอนนี้ยังไม่รู้เลยน่ะสิ ว่าอยากจะเป็นอะไร

แต่ถ้าถามว่าอยากมีชีวิตแบบไหน คงตอบว่าที่ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่ที่นี่”

ลูเซียหยุดขัดพื้นโบสถ์ และเงยหน้ามองไปที่แท่นบูชาขนาดใหญ่

“ฉันคิดว่าที่นี่ค่อนข้างแปลก เราถูกสอนให้จำและอยู่กับสิ่งที่บอกต่อกันมา

แต่ไม่เคยอธิบายให้เข้าใจเลย ว่าเราทำสิ่งต่าง ๆ ไปเพื่ออะไร ฉันอยากออกไปจากที่นี่

และไม่อยากเป็นตัวประหลาดในสายตาคนอื่น ฉันอยากมีชีวิตที่สุขสงบ

ทุกคนไม่มองว่าฉันแตกต่างหรือประหลาด เพียงเพราะฉันไม่คิดเหมือนคนอื่น … ”

ลูเซียบีบฟองน้ำที่ถืออยู่แน่น ตัวสั่นเทา

“เธอไม่แตกต่าง และไม่ประหลาดหรอก ฉันเข้าใจเธอนะ

การตั้งคำถามน่ะ มันไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกนะ” เรเชลจับมือลูเซียอย่างอ่อนโยน

“อย่างน้อยเธอยังมีฉันที่อยู่ข้าง ๆ และเข้าใจเธอเสมอนะ”

ทั้งสองยิ้มให้กัน ก่อนที่จะรีบทำความสะอาดต่อให้เสร็จ

 

กลางดึกคืนนั้น …

แสงไฟจากตะเกียงในมือพี่เลี้ยงผู้ดูแลสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า

ส่องลอดประตูห้องนอนรวมเข้ามา เธอเดินสอดส่องเด็ก ๆ ที่กำลังหลับไหล

ราวกับว่าเธอกำลังมองหาใครบางคนอยู่

ในที่สุดแสงตะเกียงก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าที่นอนของเรเซล ซึ่งนอนหลับอยู่ข้างลูเซีย

พี่เลี้ยงเอื้อมมือไปลูบแก้มนวลของเรเซลและปลุกให้เธอตื่นจากนิทรา

เรเชลลุกขึ้นจากเตียงและเดินตามพี่เลี้ยงออกจากห้องนอนรวมไป

และไม่กลับมาอีกเลย ...

 

กว่าที่ลูเซียจะรู้สึกตัวในตอนเช้า เธอก็พบว่า เรเชลจากไปแล้ว มีขุนนางซื้อตัวเรเชลไป

เธอกลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง แม้จะพยายามสร้างความสัมพันธ์กับเด็ก ๆ คนอื่นแค่ไหน

แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอคลายความเหงาลงได้เลย

ไม่มีใครรับฟังเรื่องราวของเธอ

หรือมองข้ามความแตกต่างของเธอได้เท่าเรเชลอีกแล้ว

 

เพราะการตั้งคำถาม และความไม่เหมือนคนอื่นของลูเซีย 

ทำให้ทุกคนต่างพากันมองเธอเป็นตัวประหลาด และเมื่อไม่มีเรเชลคอยรับฟังเธอแล้ว

ลูเซียมีพฤติกรรมต่อต้านมากขึ้น และเป็นเด็กที่ค่อนข้างพูดจาตรงไปตรงมามากขึ้นกว่าเดิม

ทำให้เธอโดนลงโทษจากคุณครู หรือพี่เลี้ยงอยู่บ่อยครั้ง

 

ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูเซียถูกลงโทษให้ไปทำความสะอาดที่ตึกเก่าเพียงลำพังเป็นเวลา 1 สัปดาห์ 

ตึกนี้สภาพค่อนข้างทรุดโทรม และไม่มีใครกล้ามาที่นี่มากนัก

เพราะเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาว่า เป็นสถานที่ลงโทษเด็ก

และมักมีเสียงประหลาดออกมาจากที่นี่

ถึงขนาดที่คุณครูใหญ่ยังแทบไม่มาเหยียบที่นี่เลยด้วยซ้ำ

 

วันที่หนึ่ง : แม้จะเต็มไปด้วยความกลัว แต่ลูเซียก็หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด

และตรงไปที่ตึกเก่าในเวลาพลบค่ำ ท่ามกลางเหล่าพี่เลี้ยงและเด็กคนอื่น ๆ 

ที่ยืนรออยู่ที่หน้าโบสถ์

“ทำความสะอาด และสำนึกถึงความผิดที่เธอทำซะล่ะ ลูเซีย”

เสียงพี่เลี้ยงตะโกนดังไล่ตามหลังเธอมา

ไม่มีใครเดินมาส่งเธอที่หน้าตึกด้วยซ้ำ

 

ตึกนี้มีลักษณะเก่าแก่ มีหยากไย่ และฝุ่นเต็มไปหมด

เธอรวบรวมความกล้า เปิดประตูที่ด้ามจับเป็นสนิมเขรอะ

จุดเชิงเทียนและเริ่มต้นทำความสะอาด พลางฮัมเพลงออกมากลบเกลื่อน …

 

“ชู่วววว … ” เสียงเบา ๆ ที่เย็นยะเยือกชวนขนลุกดังออกมาจากด้านล่าง

“นั่นใครน่ะ !!” ลูเซียตกใจและถามกลับไปทันที  

“มีคนอยู่ที่นี่ด้วยเหรอเนี่ย” เธอนึกในใจพลางรีบเดินออกจากตึก

“สวัสดีเอวา” เสียงลึกลับพูดขึ้นช้า ๆ เรียกลูเซียด้วยชื่อที่เธอไม่ได้ยินมานานมาก ตั้งแต่จำความได้

“นะ.. นั่นใครน่ะ” ลูเซียถามกลับไปอีกครั้งด้วยเสียงอันสั่นกลัว

“อย่าตกใจไป ฉันคือ คนที่ทำงานอยู่ที่ตึกนี้นั่นแหละ  ขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ 

แต่ฉันแค่รู้สึกว่าเสียงฮัมเพลงของเธอมันดังเกินไปหน่อยน่ะ”

เสียงที่เย็นยะเยือกเริ่มนิ่งและเป็นมิตรขึ้น

“สวัสดีค่ะ คุณคนที่ทำงานอยู่ในตึกนี้นั่นแหละ ขอโทษสำหรับเสียงฮัมเพลงที่ไปรบกวนด้วยนะคะ

ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ลูเซียรีบหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาด

และกำลังจะวิ่งออกจากตึกด้วยความกลัว

“อะ อ้าว อย่าเพิ่งไปสิ เราแค่เพิ่มเริ่มคุยกันเองนะ ...” เสียงลึกลับพูดไล่ตามเสียงฝีเท้าของลูเซีย

ที่รีบวิ่งออกจากตึกไปอย่างรวดเร็ว

 

วันที่สอง : เธอพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมไปทำความสะอาดที่นั่นต่อ

เพราะยังตกใจในเสียงที่เย็นยะเยือกนั่นอยู่ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องไปที่ตึกเก่าอยู่ดี

“เธอถูกลงโทษเพราะเธอโต้แย้งในคำสอนและบทเรียนของ ท่าน ถือว่าเป็นความผิดที่ร้ายแรง

ถ้าขืนยังขัดต่อกฎต่อไป เธอคงได้ไปนอนที่นั่นแทนนะ ลูเซีย”

พี่เลี้ยงขู่เธอพลางชี้ไปที่ตึกเก่าแห่งนั้น เพื่อให้เธอรีบไปทำความสะอาด

ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน

“ขืนไปช้าล่ะก็ ตอนกลางคืน จะน่ากลัวกว่าเดิมอีกนะ”

เด็กคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้ลูเซียจำใจรีบหยิบอุปกรณ์และไปที่ตึกเก่าอีกครั้ง

 

“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ เมื่อวานพอดีรีบกลับไปก่อน เลยไม่ได้ดับเทียนค่ะ”

ลูเซียยืนตัวตรง อยู่กลางห้องโถงใหญ่ สายตามองกวาดไปรอบ ๆ 

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ฉันทำงานอยู่ที่นี่ไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้ว

ว่าแต่ ทำไมถึงมาทำความสะอาดที่นี่ล่ะ ถูกลงโทษเหรอ ?”

เสียงลึกลับถามด้วยความเป็นมิตรมากขึ้น

“ใช่ค่ะ ถูกลงโทษเพราะว่าไปถามคำถามที่คุณครูไม่อยากได้ยินน่ะค่ะ

แต่ก็… ช่างมันเถอะค่ะ” ลูเซียพูดด้วยความเบื่อหน่าย พลางทำความสะอาดไปเรื่อย ๆ

“ว่าแต่ ทำไมคุณคนที่ทำงานอยู่ที่ตึกนี้นั่นแหละ ถึงไม่ได้ออกไปไหนเลยล่ะคะ ?”

ลูเซียถามกลับเพื่อชวนเสียงลึกลับนั้นคุย

“เอ่อ เรียกฉันว่า เอ ก็ได้นะ สั้นกว่า ง่ายกว่า … จริงไหม ? ฉันเองก็ถูกลงโทษเหมือนกันนั่นแหละ 

แต่ไม่ค่อยอยากพูดถึงมันเท่าไหร่ เอาเป็นว่า ฉันจะอยู่คุยกับเธอแก้เบื่อ

ในขณะที่ทำความสะอาดที่นี่ก็แล้วกันนะ” เอพูดด้วยเสียงอันเป็นมิตร

ความเย็นยะเยือกและน่ากลัวของเสียงนั้นหายไป ทำให้ลูเซียเริ่มหายกลัว

เธอรู้สึกโล่งใจขึ้น และคิดว่าที่นี่ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ เพียงแต่ยังไม่ไว้ใจ “เอ” อยู่บ้าง 

“ค่ะ คุณเอ ลูเซียนะคะ เรียก เอวา แล้วรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ

เป็นชื่อที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว … ว่าแต่ คุณรู้จักชื่อนั้นของหนูได้ยังไงเหรอคะ ?”ลูเซียถามกลับ

“ช่างมันเถอะ ฉันอยู่ที่นี่มานาน ตั้งแต่ก่อนที่เธอจะย้ายเข้ามาเสียอีก

เลยรู้จักชื่อนั้นของเธอยังไงล่ะ” 

 

หลังจากนั้นทั้งคู่เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น ด้วยความที่เป็นคนชอบตั้งคำถามเหมือนกัน

และคิดแตกต่างจากคนที่นี่เหมือนกัน ทำให้ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันถูกคอ

และทำให้เย็นวันนั้น ลูเซียทำความสะอาดห้องโถงนั้นไปได้มากและปราศจากความกลัว

 

ตั้งแต่นั้นมา ทุกวันที่ลูเซียเข้าไปทำความสะอาด ก็มีเสียงของ “เอ” เป็นเพื่อนกับเธอ

เอแลกเปลี่ยนความคิด และเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ลูเซียฟัง ทำให้เธอไม่เหงา

และเริ่มสนิทกับเอมากขึ้นเรื่อย ๆ

เด็ก ๆ คนอื่นรวมไปถึงพี่เลี้ยงและเหล่าคุณครู ต่างมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของลูเซีย

เธอร่าเริงขึ้นมาก หลังการจากไปของเรเชล

ลูเซียไม่อิดออดจากการถูกลงโทษให้ไปทำความสะอาดที่ตึกเก่าอีกแล้ว

และเธอก็เริ่มเปิดใจพูดคุยกับเด็กคนอื่น ๆ มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 

จนกระทั่งวันที่หก ในขณะที่ลูเซียกำลังทำความสะอาดในส่วนสุดท้ายก่อนกำหนด 

“คุณเออยู่ข้างล่างนั่นตลอดเลยเหรอคะ ไม่ได้ขึ้นมาข้างบนบ้างเลยเหรอ ?”

ลูเซียถามด้วยความสงสัย หลังจากที่พูดคุยกับเอมาเป็นเวลาหลายวัน

ผ่านประตูทางเดินชั้นใต้ดินเอาไว้

“ใช่แล้วล่ะ พอดีฉันขยับไม่ค่อยได้มานานแล้ว ที่ข้างล่างนี่ ก็มีทุกอย่างที่ฉันต้องการ

มีความสุขดีที่ข้างล่างนี่ ฉันจะขึ้นไปทำไมล่ะ จริงไหมเอวา ?” เอตอบด้วยเสียงที่ติดตลก

ทำให้ลูเซียยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นไปอีก “ข้างล่างมีทุกอย่างที่ต้องการ

และทำให้คุณเอมีความสุข ข้างล่างนั่น … มีอะไรเหรอคะ”

ลูเซียถาม พลางเดินเข้าไปใกล้ประตูทางเดินชั้นใต้ดินมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

“อยากจะรู้จริง ๆ เหรอเอวา ฉันว่าอย่าดีกว่านะ” 

เสียงของเอ เริ่มเปลี่ยนเป็นเสียงที่มีความเย็นยะเยือก และท้าทายความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น

“อยากสิคะ !! เรารู้จักกันมาสักพักแล้ว ลูเซียยังไม่เคยพบกับคุณเอจริง ๆ เลย

ถ้าไม่รังเกียจ ให้ลูเซียลงไปหาดีไหมคะ ? คุณเอเองก็ขยับไม่ค่อยได้ ลงไปหาน่าจะง่ายกว่าค่ะ”

ลูเซียไม่สนใจน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของเอ และพยายามจะเปิดประตู

“ก็ได้ ๆๆ แต่ขอเตือนอะไรเธอเอาไว้ก่อนนะ ข้างล่างนี่ ไม่มีใครลงมาหลายปีแล้ว

แต่ถ้าเธออยากเจอฉันจริง ๆ ฉันก็ห้ามเธอไม่ได้หรอก ...”

สิ้นเสียงของเอ ประตูก็เปิดออกเองทันที ลูเซียตกใจ และเริ่มรู้สึกแปลก ๆ

เธอเริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่นั้นไม่เท่ากับความอยากรู้อยากเห็น

และความอยากที่จะพบเพื่อนใหม่ของเธอ

 

ประตูเปิดออก  ด้านในนั้นมืดสนิท ด้วยความรีบร้อนและความตื่นเต้น ทำให้ลูเซียสะดุดล้มลง

แต่เมื่อเธอลุกขึ้น เธอพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องใต้ดิน มันเป็นสวนดอกไม้สีฟ้าที่กว้างสุดสายตา

เธอมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น พลางมองหาประตูและเรียกชื่อของเอ 

“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณเอ ช่วยด้วยค่ะ ที่นี่คือที่ไหน ?” ลูเซียตะโกนสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว

ดอกไม้สีฟ้านับพัน สั่นไหวด้วยแรงลม ทำให้กลีบสีฟ้าปลิวไปทั่วสวน

“เอวาเธออยากเจอฉันไม่ใช่เหรอ ? อยากรู้ใช่ไหม ว่าที่นี่ดีอย่างไร ?”

เสียงของเอกังวานอยู่ในหัวของลูเซีย หมู่เมฆพากันเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว

เผยให้เห็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่อยู่บนท้องฟ้า …

จู่ ๆ ดวงจันทร์เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดง ลูเซียมองขึ้นไปและพบกับปีกคล้ายค้างคาวคู่ใหญ่

บินผ่านไป เงาของปีกพาดผ่านเธอที่ยืนตัวสั่นด้วยความกลัว …

 

ดวงจันทร์ขนาดใหญ่นั้นมีของเหลวไหลออกมา พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นมาในหัวลูเซียอีกครั้ง

 

“สวัสดี เอวา !!” 

 

ลูเซียตื่นขึ้นบนเตียงของเธอ พร้อมกับเสียงอึกทึก ของเด็ก ๆ ที่มุงกันอยู่ริมหน้าต่างห้องนอน

ทุกคนมองลงไปที่หน้าตึกเก่า

 

เหล่าคุณครูและพี่เลี้ยงที่ยืนอยู่ตรงนั้น กำลังพูดถึงเรื่องที่ประตูชั้นใต้ดิน

ที่ถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา ณ เวลานี้มันถูกเปิดออกแล้ว …

 

ลูเซียยังคงมึนงงกับฝัน และเรื่องราวที่เธอได้พบ

เธอพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นในความฝัน

และก็รู้สึกว่าตัวเองกำบางสิ่งบางอย่างอยู่ในมือไว้แน่น

 

เธอคลายมือออก และพบกับ กิ๊บติดผมรูปดอกไม้สีฟ้าขนาดใหญ่

ดอกไม้ที่เธอได้พบในความฝัน

 

เกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน

สิ่งที่เธอเห็นนั้นเป็นความฝัน หรือความจริง

ห้องใต้ดินแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร

สิ่งต่าง ๆ ที่เธอเห็นในความฝันคืออะไร

กิ๊บติดผมรูปดอกไม้สีฟ้านี้ มาอยู่ในมือเธอได้อย่างไร

และ เอ เป็นใคร ...

LOCKED
(                        100,000 SUBS)

  • YouTube

LOCKED
(                        75,000 SUBS)

  • YouTube

LOCKED
(                        50,000 SUBS)

  • YouTube
bottom of page